หน่อโพธิ์ แทรเวล ทัวร์แสวงบุญ ศิลปวัฒนธรรม

หน่อโพธิ์ แทรเวล ทัวร์แสวงบุญ ศิลปวัฒนธรรม ท่องเที่ยวเจาะลึก เดินทางสุขใจ สร้างสรรค์เส้นทางใหม่ๆ เพื่อนักเดินทาง

"หน่อโพธิ์ แทรเวล" ชื่อนี้มีที่มาจาก "โพธิ์" ต้นไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของคุณธรรมและปัญญา ใต้ร่มเงาของโพธิ์เป็นที่พักผิงคลายร้อนของผู้แรมทางฉันใด "หน่อโพธิ์ แทรเวล" ก็มีเป้าหมายจะเติบโตขึ้น ให้มีคุณประโยชน์เหมือนดังต้นโพธิ์ เราจึงมุ่งมั่นทำธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์ จริงใจ และนำเสนองานคุณภาพ เพื่อความสุขอย่างมีคุณค่าแก่ทุก ๆ ท่าน

ทำไมต้องไป  #ศรีลังกา??* เรานับถือ  #พุทธลังกาวงศ์ ส่วนศรีลังกาเป็น  #พุทธสยามวงศ์ !!* พระพุทธศาสนาในอินเดียล้มหายตายจาก...
08/06/2025

ทำไมต้องไป #ศรีลังกา??
* เรานับถือ #พุทธลังกาวงศ์ ส่วนศรีลังกาเป็น #พุทธสยามวงศ์ !!

* พระพุทธศาสนาในอินเดียล้มหายตายจากไปตั้งแต่หลังพุทธกาลราว ๑,๒๐๐ ปี แต่ที่ศรีลังกายังคงอยู่ต่อมาจนถึงทุกวันนี้ หลายแห่งมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ รวมถึงความเชื่อว่า ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ

* ลังกามีกษัตริย์ปกครองต่อเนื่องนับพันๆ ปี จึงมีความรุ่มรวยทางวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรม ที่ได้รับการอนุรักษ์ต่อเนื่องมา จึงมีสถานที่ได้รับยกย่องเป็นมรดกโลกจำนวนมาก

* ต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่อินเดียถูกคนพาลทำลาย ตายแล้วฟื้นใหม่หลายรอบ แต่ต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่ศรีลังกา ยังอยู่มาได้กว่า ๒,๐๐๐ ปี เป็นต้นที่พระเจ้าอโศก ส่งมาให้กษัตริย์ศรีลังกา กว่าจะมาถึงได้กษัตริย์ทั้งสองทวีปทรงรอคอยและทะนุถนอมอย่างที่สุด อ่านเรื่องราวเมื่อใดก็น้ำตาไหลทุกครั้ง

* ลังกาโดนพวกตะวันตกข่มเหงต่อเนื่องหลายร้อยปี จนไม่เหลือพระสงฆ์ กษัตริย์ลังกาได้ขอพระสงฆ์จากจากไทยไปช่วยสืบพระศาสนา สมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ จึงได้ส่งพระอุบาลีและคณะ เดินทางไป แต่อุปสรรคมากมาย มีทั้งเรือแตกพระสงฆ์เสียชีวิตไปบางรูป แต่ก็ไม่ย่อท้อรอเวลาเดินทางใหม่ กว่าจะไปถึงลังกาได้ก็ผ่านไปเป็นปีๆ เมื่อถึงแล้วพระอุบาลีได้ทำการบวชภิกษุสืบทอดพระพุทธศาสนา และอยู่ทำหน้าที่ที่ลังกาได้ ๓ ปี ก็มรณภาพที่นั่น ...

* ทัวร์ศรีลังกา ใช้เวลาถึง ๖ วันเต็มเลยหรือ? เราไปเยือนโปลนนารุวะ อาณาจักรแห่งที่สองที่ได้รับมรดกโลกด้วย ไหนๆ เดินทางทีแล้ว ถ้าไม่ได้ไปที่นี่ก็เสียโอกาส

* นอกจากสถานที่ทางศาสนาแล้ว ศรีลังกายังมีภูมิประเทศที่สวยงามและอากาศดี เพราะมีลักษณะการเป็นเกาะ ทริปนี้เราไม่ได้พาไปเฉพาะสถานที่ทางศาสนา แต่พักผ่อนที่เมืองตากอากาศสมญา "อังกฤษน้อย" อีกด้วย

ไปฮีลใจ เสริมบุญสร้างบารมี แสดงพลังศรัทธาให้เพื่อนชาวพุทธศรีลังกาได้รู้ว่า คนไทยไม่ลืม และชื่นชมธรรมชาติสบายๆ ในต่างประเทศกันค่ะ

รายละเอียดคลิก https://www.norbhoditravel.com/ทัวร์ศรีลังกา.html
หรือติดต่อไลน์ไอดี youngbhodi

ป.ล. ติดตามอ่านรายละเอียดแต่ละเรื่องได้ในเพจ "หน่อโพธิ์ แทรเวล ทัวร์แสวงบุญ ศิลปวัฒนธรรม" จะทยอยนำเสนอเรื่อยๆ ค่ะ
@ผู้ติดตาม

 #เทศกาลแห่พระเขี้ยวแก้ว หรือ เปราเฮรา มีมากว่าพันปีจนถึงปัจจุบัน จัดขึ้นเป็นงานใหญ่ปีละครั้ง แสดงออกถึงศรัทธาในพระพุทธศ...
05/06/2025

#เทศกาลแห่พระเขี้ยวแก้ว หรือ เปราเฮรา มีมากว่าพันปีจนถึงปัจจุบัน จัดขึ้นเป็นงานใหญ่ปีละครั้ง แสดงออกถึงศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้าของชาวลังกา

พิธีจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นเวลา 7 วัน ในตอนเช้าจะมีพิธีการทำความสะอาด ประดับตกแต่ง และถวายเครื่องสักการะแด่องค์พระเขี้ยวแก้วในวิหาร โดยกษัตริย์และผู้มีอำนาจในบ้านเมือง พอตกค่ำก็จะมีขบวนแห่อย่างยิ่งใหญ่ทุกวัน

ขบวนแห่มีมากกว่ายี่สิบขบวน แสดงถึงวัฒนธรรมของชาวสิงหลและชนเผ่าต่างๆ ในลังกา แต่ละขบวนก็มีการร่ายรำ ดนตรี และ แสดงลีลาพิศดารน่าตื่นเต้นหวาดเสียวบ้าง ขบวนสำคัญกว่าจะมาท้ายๆ เช่น ขบวนเชิญพระราชโองการพระราชทานที่ดินสร้างวัดพระเขี้ยวแก้ว ขบวนอัญเชิญพระทาฐธาตุ หรือพระเขี้ยวแก้ว ขบวนเชิญเทพเจ้าผู้ปกปักษ์พระเขี้ยวแก้ว ซึ่งมีความยาวมาก เป็นต้น

พิธีแห่เริ่มในช่วงหัวค่ำและจบในเวลาดึกหลังสามทุ่มไปแล้ว เนื่องจากเป็นขบวนแห่ที่ยาวมาก จึงต้องปิดถนนและร้านรวงโดยรอบทั้งหมด ประชาชนศรีลังกาพากันมาจับจองที่นั่งตามริมถนน ที่มีเชือกกั้นไว้ให้อยู่เฉพาะริมทาง ส่วนนักท่องเที่ยวที่ไปกับคณะทัวร์โดยมากจะมีการซื้อตั๋วที่นั่งแบบวีไอพีไว้ให้ แต่ที่จริงก็เป็นเพียงที่นั่งในร้านอาหารตามทางที่ขบวนผ่าน และนำมาเปิดขายราคาสูงในช่วงดังกล่าว

ผู้ที่สนใจชมเทศกาลนี้ นอกจากจะมีศรัทธาและชมชอบในศิลปวัฒนธรรมแล้ว ยังต้องมีความอดทนเพียงพอสัก 3 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย

#ทัวร์ศรีลังกาชมแห่พระเขี้ยวแก้ว
@ผู้ติดตาม

ภูมิใจเสนอ 2 เส้นทางที่ต้องไปให้ได้สักครั้งในชีวิต #อินโดนีเซีย บันดุง-ยอกยาเที่ยวเส้นทางใหม่เอี่ยมอ่อง !! ว๊าว !! นั่งร...
03/06/2025

ภูมิใจเสนอ 2 เส้นทางที่ต้องไปให้ได้สักครั้งในชีวิต
#อินโดนีเซีย บันดุง-ยอกยา
เที่ยวเส้นทางใหม่เอี่ยมอ่อง
!! ว๊าว !! นั่งรถไฟหัวจรวด 350 กม./ชม แห่งเดียวในอาเซียน
* ยลศาสนสถานมรดกโลก 2 แห่ง #บูโรพุทโธ และ #ปราสาทพรัมบานัน
* เปิดประสบการณ์ #เที่ยวปล่องภูเขาไฟ หลุมอุกกาบาต และนั่งจี๊ปตะลุยเส้นทางลาวา (สนุกและเข้าถึงได้ไม่ลำบาก)
* ท้าทายสะพานแขวนยาว 330 เมตร ทอดข้ามปากปล่องภูเขาไฟ
* เยือนพระตำหนักดาหาปาตี อีกมิติของประวัติศาสตร์ไทยในบันดุง
* ดินเนอร์บนภูเขา ชมแสงดาวที่บูกิตบินตัง ฯลฯ

#ศรีลังกา 7 วัน 5 คืน บินเช้า-กลับดึก เที่ยวเต็มวัน
ไฮไลท์ครบทุกเมือง + เมืองมรดกโลกโปลนนารุวะ + วัดถ้ำที่เกิดพระไตรปิฏกอักษรครั้งแรกของโลก
* พิเศษพาพักใน Little England บรรยากาศสวยคลาสสิกอีกด้วย.. ครั้งหนึ่งในชีวิต จาริกบุญยังเกาะแห่งธรรม พร้อมเพลิดเพลินได้ในคราวเดียวกัน
สอบถามได้ที่ line id : youngbhodi
หรือคลิกดูโปรแกรมเต็มที่ www.norbhoditravel.com

@ผู้ติดตาม

 #ทัวร์ศรีลังกา 7 วัน 5 คืน พิสูจน์ ครบกว่า! คุ้มกว่า!บินเช้า-กลับดึก เที่ยวเต็มวัน มี 2 ช่วงเวลา เดือน "สิงหาคม" สัมผัส...
02/06/2025

#ทัวร์ศรีลังกา 7 วัน 5 คืน พิสูจน์ ครบกว่า! คุ้มกว่า!
บินเช้า-กลับดึก เที่ยวเต็มวัน มี 2 ช่วงเวลา
เดือน "สิงหาคม" สัมผัสเทศกาลเพราเฮลา แห่พระเขี้ยวแก้วประจำปี หรือ
เดือน "ตุลาคม" เที่ยวชิลๆ อากาศดี

ทั้งสองช่วงพาชมเมืองมรดกโลกโปลนนารุวะ และ พักใน Little England บรรยากาศสวยคลาสสิกอีกด้วย
... ครั้งหนึ่งในชีวิต จาริกบุญยังเกาะแห่งธรรม พร้อมเพลิดเพลินได้ในคราวเดียวกัน

*กรุ๊ปเล็กเดินทางไม่เร่งรีบ- พักดีระดับ 4 ดาว
รายละเอียดคลิก https://www.norbhoditravel.com/ทัวร์ศรีลังกา.html
@ผู้ติดตาม

 #ภูเขาไฟเมราปี   เทพเจ้าผู้ทรงพลังแห่งเกาะชวา(คนละลูกกับภูเขาไฟมาราปี บนเกาะสุมาตรา นะคะ)ชื่อของเมราปี มากจากคำสมาส ๒ ค...
26/05/2025

#ภูเขาไฟเมราปี เทพเจ้าผู้ทรงพลังแห่งเกาะชวา
(คนละลูกกับภูเขาไฟมาราปี บนเกาะสุมาตรา นะคะ)

ชื่อของเมราปี มากจากคำสมาส ๒ คำ คือ "เมรุ" (ภาษาสันสกฤต) แปลว่าภูเขา และไม่ใช่ภูเขาธรรมดา แต่เป็นเขาพระสุเมรที่เป็นศูนย์กลางของจักรวาลเลยทีเดียวและคำว่า "อาปี" แปลว่า ไฟ รวมกันเป็น เมราปี ด้วยความสูงกว่า ๒,๙๐๐ เมตร ที่มีการปะทุรวมถึงระเบิดแสดงพลังมาเป็นระยะๆ ตลอดเวลานับหมื่นปีมาแล้ว โดยยังไม่มีทีท่าว่าจะดับลง "เมราปี" จึงได้ชื่อว่าเป็นภูเขาไฟที่อันตรายติดอันดับโลก

ในสมัยของอาณาจักรมะธะรัม พ.ศ.๑๔๗๒ "เมราปี" ได้ระเบิดพลังออกมา ทำให้ภูมิประเทศและทางน้ำเปลี่ยนทิศ ถึงขั้นต้องย้ายศูนย์กลางของอาณาจักรไปทางตะวันออกของเกาะชวาเลยทีเดียว ด้วยพลังยิ่งใหญ่แห่งขุนเขาลูกนี้ ราชวงศ์ที่ทรงอำนาจแห่งอาณาจักรมะธะรัมในชวากลาง และเป็นผู้สร้างมหาเจดีย์บูโรพุทโธ จึงตั้งชื่อราชวงศ์ว่า ไศเรนทร แปลว่าเจ้าแห่งภูเขา ซึ่งก็หมายถึง ภูเขาไฟเมราปีนี่แหล่ะ

การระเบิดอย่างรุนแรงที่คนรุ่นนี้ยังจดจำได้ก็คือเมื่อปีพ.ศ.๒๔๗๓ มีผู้เสียชีวิตกว่า ๑,๓๐๐ คน และในปีพ.ศ.๒๕๓๓ มีผู้เสียชีวิต ๓๐๐ คน ในครั้งนี้นี่เองที่รัฐบาลอินโดนีเซียได้อนุรักษ์ซากปรักหักพัง และสร้างพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ไว้ พื้นที่ความเสียหายเหล่านี้ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้ บ้านเรือนของผู้คนที่ถูกกลบด้วยลาวาและขี้เถ้าที่กลายเป็นดิน ยังคงอยู่ ร่องไหลของลาวาที่กลายเป็นถนนให้เราได้ตะลุยไปอย่างสนุกสนาน

การเดินทางไปเที่ยวภูเขาไฟเมราปี จากเมืองยอกยาไปราว ๓๐ กม. พอออกนอกเมืองไปได้นิดหน่อย ก็มีลักษณะคล้ายชนบท สองข้างทางเป็นสวนสละมากมาย สภาพอากาศเย็นสบายสดชื่นมาก

ด้วยสภาพภูมิประเทศที่สวยงาม มีความท้าทาย และประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ ทำให้ภูเขาไฟลูกนี้มีเสน่ห์มากกว่าความน่ากลัว นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมุ่งหน้ามาสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษ ในการนั่งจี๊ปท่องไปตามเส้นทางลาวา และเดินป่าเพื่อขึ้นไปสัมผัสปากปล่องภูเขาไฟเมราปีกันให้ได้

นับตั้งแต่ปีพ.ศ.๒๕๕๓ เป็นต้นมา ก็ไม่เคยเกิดเหตุที่ทำให้เสียหายร้ายแรง คงจะด้วยเทคโนโลยีการเตือนภัยที่ดีขึ้นกว่าในอดีตมาก ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ระยะปลอดภัยสำหรับการหนีได้ทันเมื่อเกิดการปะทุขึ้น คือ อยู่ห่าง ๓ กม. จากปากปล่อง .. แน่นอนทัวร์เมืองยอกยา และพาไปสัมผัสเมราปีของเราในครั้งนี้ อยู่ห่างจากปากปล่องเกิน ๓ กม. ค่ะ :)

นอกจากนี้ธรรมชาติของภูเขาไฟ เมื่อเริ่มปะทุจะต้องสะสมพลังอีกนับสัปดาห์หรือนับเดือนเป็นอย่างน้อยจึงจะระเบิด หรืออาจจะแค่ปะทุแล้วสงบ ไม่ระเบิด รอเวลาปะทุใหม่ในอนาคต นักท่องเที่ยวจึงสามารถรับรู้การแจ้งเตือนได้ทันท่วงทีแน่นอน

สนใจไปเที่ยวกับเรา 25-30 ก.ค.2568 นี้ คลิก https://www.norbhoditravel.com/ทัวร์อินโดนีเซีย.html

#ทัวร์ยอกยากาต้า #เกาะชวา
@ผู้ติดตาม

"Kawah Putih"  #คาวาปูติห์ ทะเลสาบปล่องภูเขาไฟ แห่งเมืองบันดุงหรือที่รู้จักกันในอีกชื่อว่า White Crater ด้วยมองไกลๆ จะเห...
19/05/2025

"Kawah Putih" #คาวาปูติห์ ทะเลสาบปล่องภูเขาไฟ แห่งเมืองบันดุง
หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อว่า White Crater ด้วยมองไกลๆ จะเห็นบริเวณโดยรอบเป็นสีขาวอมเขียว เมื่อเข้าไปใกล้ๆ กลับเห็นทะเลสาบสีเทอร์ควอยซ์ ที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้ดำหงิกงอเหมือนถูกไฟไหม้ หินและดินโดยรอบมีลักษณะแปลก เหมือนเราได้ไปเยือนดาวดวงอื่น น้ำในทะเลสาบนั้นเปลี่ยนสีไปได้หลายเชด ฟ้า เขียว น้ำตาล ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ และแสงแดด ที่ทำปฏิกิริยากับกำมะถันและแร่ต่างๆ ในน้ำซึ่งมีค่าความเป็นกรดสูงมาก PH ที่ ๐.๕-๑.๓ ดังนั้นการไปเที่ยวต้องระวังอย่าสัมผัสน้ำในทะเลสาบเป็นอันขาด

ปากปล่องนี้ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง ๒,๔๓๐ เมตร เหนือน้ำทะเล เกิดจากการปะทุของ ภูเขาไฟปาตูฮา ในช่วงคศต.๑๑ และปัจจุบันก็ยังมีโอกาสปะทุได้อยู่ จะสังเกตเห็นมีควันลอยขึ้นจากใต้พื้นดินหลายจุด และมีกลิ่นกำมะถันค่อนข้างแรง ครั้งหนึ่งจึงเคยถูกทหารดัทช์และทหารญี่ปุ่นมาทำเหมืองแร่กำมะถันไปใช้ในสงคราม

แต่กว่าที่จะมีชาวต่างชาติเข้ามาพิสูจน์และฉกฉวยผลประโยชน์ สถานที่นี่ก็เป็นที่ต้องห้ามของผู้คนมาอย่างยาวนาน เนื่องด้วยพื้นที่มีสภาพเป็นพิษต่อการอยู่อาศัย ต้นไม้ไม่ขึ้น สัตว์อยู่ไม่ได้ ชาวบ้านจึงมีความเชื่อว่า เป็นดินแดนที่มีภูตผีวิญญาณครอบครอง จนมาถึง คศต.๑๙ เมื่อนักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมันชื่อ ดร. Franz Wilhelm Junghuhn ได้มาพบและทำการสำรวจเขาจึงเข้าใจสาเหตุของความเป็นพิษ ผู้คนจึงเริ่มหายกลัว และเข้ามาชื่นชม แต่ตำนานก็ยังคงถูกเล่าขานมาจนทุกวันนี้

ถัดจากปากปล่องคาวาปูติห์ ไปไม่ไกลนัก มีอีกสถานที่หนึ่งน่าสนใจ มีลักษณะเหมือนหลุมอุกกาบาต ประกอบไปด้วย น้ำพุร้อน สระโคลน น้ำตก ที่ผสมผสานคละเคล้าอยู่ในพื้นที่ต่อเนื่องกันของปากปล่องภูเขา ที่ปล่อยควันและไอน้ำปกคลุม เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ดูลึกลับและน่าทึ่ง บริเวณใกล้ๆ กันนี้ ยังมีจุดไฮไลท์คือสะพานแขวนยาวที่สุดในเอเชีย Suspension Bridge หรืออินโดนีเซียเรียกว่า Jembatan Gantund ทอดยาว ๓๓๐ เมตร ข้ามปากปล่องเชื่อมต่อระหว่างป่าสองด้าน มองลงไปเห็นปากปล่อง ให้นักท่องเที่ยวใจกล้าได้ท้าทาย

ทั้งหมดนี้เราจะได้ไปสัมผัสกันในทริปบันดุง-ยอกยา กับหน่อโพธิ์ แทรเวล

หมายเหตุ : เกร็ดความรู้ ผู้ที่สนใจเปิดประสบการณ์เที่ยวภูเขาไฟ ไม่ต้องกลัวภูเขาไฟระเบิดหรอกนะคะ เพราะทุกลูกก่อนระเบิดจะต้องมีการปะทุก่อน โดยมีควันหรือเปลวความร้อนพุ่งขึ้นมา (ไม่ใช่ลาวา ซึ่งจะออกมาเฉพาะเวลาภูเขาไฟระเบิดเท่านั้น) จากนั้นก็ต้องใช้เวลาอีกเป็นสัปดาห์ หรือเป็นเดือน จึงจะระเบิด และก็อาจไม่ระเบิดเลยก็ได้ ภูเขาไฟส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดปะทุอยู่เป็นปี แล้วก็เงียบไป นานๆ ก็กลับมาปะทุอีก แต่ก็ยังไม่ระเบิด ดังนั้น การไปเที่ยวจึงปลอดภัย หากมีสัญญาณการปะทุ เราจะได้รับการแจ้งเตือน ก่อน เพื่อให้หลีกเลี่ยงได้ ไม่ผจญเหตุภูเขาไฟระเบิดต่อหน้าต่อตาแน่นอนค่ะ 😃
#ภูเขาไฟเมืองบันดุง
@ผู้ติดตาม

ตามรอยเจ้าฟ้าไทยในบันดุง เป็นอีกโปรแกรมในทัวร์บันดุง-ยอกยา ของเราเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต มหาเสน...
14/05/2025

ตามรอยเจ้าฟ้าไทยในบันดุง เป็นอีกโปรแกรมในทัวร์บันดุง-ยอกยา ของเรา

เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต มหาเสนาบดีของรัชกาลที่ ๗ ต้องทรงลี้ภัยการเมืองในปีพ.ศ.๒๔๗๕ มายังเมืองบันดุงแห่งนี้ ซึ่งพระองค์เคยมีโอกาสเสด็จเยือนพร้อมพระราชบิดา (รัชกาลที่ ๕) แล้วครั้งหนึ่ง ทรงพอพระทัยในภูมิประเทศที่สวยงาม อากาศดี ธรรมชาติสวย

หลังจากเช่าบ้านอยู่ได้ระยะหนึ่ง ก็ทรงตัดสินพระทัยซื้อที่ดินสร้างพระตำหนักขึ้น ๔ หลัง ตั้งชื่อตามวรรณคดีในอิเหนา ได้แก่ ดาหาปาตี ปันจะรากัน ประเสบัน และสตาหมัน

พระองค์และครอบครัวจำต้องประทับอยู่ในเมืองบันดุงแห่งนี้ต่อเนื่องยาวนานจนถึงเวลาสิ้นพระชนม์เมื่อ ๑๘ มกราคม พ.ศ.๒๔๘๗ รวมเวลาถึง ๑๒ ปี
กว่าที่รัฐบาลไทยเวลานั้น โดยจอมพล ป พิบูลสงคราม จะอนุญาตให้เชิญพระอัฐิกลับมาทำถวายพระเพลิงอย่างสมพระเกียรติก็ล่วงเลยมาถึง วันที่ ๒๘ กันยายน พ.ศ. ๒๔๙๑

ระหว่างที่ประทับอยู่ในบันดุงนั้น พระองค์ยังทรงทำประโยชน์ในด้านอื่นๆ เช่น ทรงนิพนธ์หนังสือ “ปทานานุกรมเทียบศัพท์ภาคชวา ซุนดา มลายู” ทรงแปลหนังสือ “ตำนานสังเขปของหมู่เกาะอินเดียตะวันออก” และหนังสือ “ลายภาพจำหลักที่บูโรบูดูร” ขึ้นด้วย รวมถึงพระนิพนธ์เพลงไทยเดิมไว้อีกจำนวนหนึ่ง

ปัจจุบันยังพอมีสถานที่เหลืออยู่ให้เราได้ระลึกถึงและเข้าชมก็คือ อดีตพระตำหนักดาหาปาตี ซึ่งได้กลายเป็นร้านอาหารซุนดาที่มีชื่อเสียง ดำเนินการโดยลูกหลานของข้าราชบริพารไทยที่เคยตามเสด็จ และสร้างครอบครัวอยู่ในบันดุงเลย เราจะไปรับประทานอาหารและย้อนรอยกันที่นี่ค่ะ

#เมืองบันดุง #เมืองยอกยาการ์ต้า
@ผู้ติดตาม

4 ที่สุดท้าย ต้องรีบแล้วค่ะเที่ยวเส้นทางใหม่เอี่ยมอ่อง  #บันดุง -  #ยอกยาการ์ตา!! ว๊าว !! นั่งรถไฟหัวจรวด 350 กม./ชม แห่...
09/05/2025

4 ที่สุดท้าย ต้องรีบแล้วค่ะ
เที่ยวเส้นทางใหม่เอี่ยมอ่อง #บันดุง - #ยอกยาการ์ตา
!! ว๊าว !! นั่งรถไฟหัวจรวด 350 กม./ชม แห่งเดียวในอาเซียน
* ยลศาสนสถานมรดกโลก 2 แห่ง #บูโรพุทโธ และ #ปราสาทพรัมบานัน
* เปิดประสบการณ์ #เที่ยวปล่องภูเขาไฟ หลุมอุกกาบาต และนั่งจี๊ปตะลุยเส้นทางลาวา (สนุกและเข้าถึงได้ไม่ลำบาก)
* ท้าทายสะพานแขวนยาว 330 เมตร ทอดข้ามปากปล่องภูเขาไฟ
* ชิลกับไร่ชาบนเนินเขา เขียวขจีกว้างสุดลูกหูลูกตา
* เยือนพระตำหนักดาหาปาตี อีกมิติของประวัติศาสตร์ไทยในบันดุง
* ดินเนอร์บนภูเขา ชมแสงดาวที่บูกิตบินตัง ฯลฯ
* ขากลับยังแวะเที่ยวสนามบินชางงี รางวัลสนามบินดีที่สุด 8 ปีซ้อน
เดินทาง 6 วัน 5 คืน ราคา 44,950 บาท
สอบถาม line id : youngbhodi
ดูโปรแกรมเต็มได้ที่ www.norbhoditravel.com/ทัวร์อินโดนีเซีย.html

@ผู้ติดตาม

 #ปราสาทพรัมบานัน วัดฮินดูที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สร้างด้วยหินภูเขาไฟ หมู่ปราสาทแห่งนี้มีอายุเก่าแก่กว่านค...
21/04/2025

#ปราสาทพรัมบานัน วัดฮินดูที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สร้างด้วยหินภูเขาไฟ หมู่ปราสาทแห่งนี้มีอายุเก่าแก่กว่านครวัดในกัมพูชาเสียอีก แท้จริงแล้วปราสาทขอมทั้งหลายก็เป็นการนำเอาสถาปัตยกรรมปราสาทแบบชวาไปต่อยอดนั่นเอง (พระเจ้าชัยวรมันที่ ๒ ทรงถูกจับตัวมาอยู่ที่ชวาหลายปี และเมื่อได้รับการส่งกลับไปครองอาณาจักรกัมพุช จึงนำเอาขนบความเชื่อจากชวาไปใช้ที่อาณาจักรของพระองค์ด้วย)

หมู่ปราสาทแห่งนี้มีจารึกว่าสร้างขึ้นในสมัยของพระเจ้าศรีสัญชัย (หรืออ่านว่า สะ-หรี-สัน-จะ-ยา ราวค.ศ.๘๕๖ หรือ พ.ศ.๑๓๙๙) กษัตริย์พระองค์แรกแห่งราชวงศ์สัญชัย ครองอาณาจักรที่ชื่อว่า มะธะรัม บนตอนกลางของเกาะชวา การสร้างต่อเนื่องกันหลายรัชสมัยนับเป็นร้อยปีต่อเนื่อง จึงค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

วัดแห่งนี้สร้างอุทิศถวายพระศิวะ เพราะในเวลานั้นราชวงศ์สัญชัยนับถือพราหมณ์-ฮินดู ลัทธิไศว แต่กระนั้นก็นับถือเทพเจ้าองค์อื่นๆ ด้วย ปราสาทหลัก ๓ หลัง จึงอุทิศถวายมหาเทพทั้งสามคือ พระพรหม พระวิษณุ และพระศิวะ โดยเทวาลัยสำหรับพระศิวะใหญ่ที่สุดตั้งอยู่ตรงกลาง สูง ๔๗ เมตร (สูงกว่าบุโรพุทธโธ ๕ เมตร) ... เมื่อเราไปชมก็จะสังเกตเห็นเทวรูปของเทพหรือบริวารหรือพาหนะ ที่เกี่ยวข้องกับมหาเทพองค์นั้นๆ เช่น โคนนทิตั้งอยู่หน้าเทวาลัยพระศิวะ เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีปรางค์เล็กปรางค์น้อย รายล้อมอีกมากมายนับได้ถึง ๒๒๔ องค์ ภาพแกะสลักในบริเวณวัดส่วนใหญ่แสดงเรื่องรามยณะ และเรื่องราวของมหาเทพทั้งสาม รวมถึงศักติของพระองค์ และพระฤาษีอคัสตยะ (หมายเหตุ : พระฤาษีอคัสตยะทรงเป็นภาคหนึ่งของพระศิวะ ทรงเป็นครูของฤาษีและนำวิทยาการจากอินเดียเหนือมาสู่อินเดียใต้ จึงนับถือมากในอินเดียใต้ การที่พบประติมากรรมพระอคัสตยะจำนวนมากในชวาแสดงให้เห็นความสัมพันธ์ของศาสนาฮินดูในเกาะชวาว่าน่าจะมีพื้นฐานมาจากอินเดียใต้)

กษัตริย์แห่งวงศ์สัญชัย มีดำริจะสร้างพรัมบานันให้ยิ่งใหญ่ไม่แพ้บูโรพุทโธ ที่สร้างโดยราชวงศ์ไศเรนทรก่อนหน้า เนื่องจาก ๒ ราชวงศ์นี้ ต่างแย่งกันเป็นใหญ่ ผลัดกันมีอำนาจเหนืออาณาจักรมะธะรัมในชวากลาง เมื่อใดที่ไศเรนทรขึ้นก็อุปถัมภ์พุทธเป็นการใหญ่ และเมื่อใดที่สัญชัยขึ้น ก็อุปถัมภ์พราหมณ์-ฮินดู อย่างเต็มที่เช่นกัน กระนั้นพระญาติหรือชายาของทั้งสองราชวงศ์ก็มีบ้างที่นับถือศาสนาต่างกัน ดังนั้นในบางรัชสมัยศาสนาทั้งสองจึงได้รับการอุปถัมภ์ควบคู่กันไป

(หมายเหตุ : ราชวงศ์ศรีวิชัยนั้น ก็เกิดขึ้นเพราะ วงศ์สัญชัย ทำสงครามชนะกษัตริย์บาลาบุตรา (Balaputra) แห่งวงศ์ไศเรนทร ทำให้ไศเรนทรต้องหนีไปตั้งหลักที่เกาะสุมาตรา และตั้งราชวงศ์ศรีวิชัยขึ้น )

พรัมบานันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกใน ปี ค.ศ. ๑๙๙๑ พร้อมกับบูโรพุทโธ คนพื้นเมืองเรียกขานวัดแห่งนี้ว่า วัดโรโรจงกรัง Roro Jonggrang Temple หมายถึง พรหมจรรย์" สืบเนื่องกับตำนานของอาณาจักร Pengging และ อาณาจักร Boko ที่ตั้งอยู่บนเกาะชวาเช่นกัน

เรื่องเล่ามีอยู่ว่า อาณาจักร Pengging มีความรุ่งเรือง ปกครองโดยกษัตริย์นามว่า Prabu Damar Moyo ส่วนอาณาจักร Bogo ปกครองโดยกษัตริย์นาม Prabu Boko ซึ่งมีเชื้อสายยักษ์ มีความเหี้ยมเกรียม ชอบกินเนื้อมนุษย์ แต่กษัตริย์องค์นี้ก็มีราชธิดาสวย นางชื่อว่า Roro Jonggrang ต่อมากษัตริย์ Boko ผู้เหี้ยมโหดก็ต้องการขยายอำนาจไปยังอาณาจักร Pengging จึงเกิดการสู้รบกัน กษัตริย์ของ Pengging ได้ส่งเจ้าชาย Bandung Bondowoso ออกศึก ด้วยพระปรีชา เจ้าชายชนะกษัตริย์ Boko ได้ แล้วยาตราเข้าสู่พระราชวังของกษัตริย์ Boko จึงได้พบกับเจ้าหญิง Roro Jonggrang เจ้าชายตกหลุมรักพระนางอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ได้เอ่ยขออภิเษก แม้เจ้าหญิงจะปฏิเสธอย่างไร เจ้าชายก็ยืนกราน จนในที่สุดเจ้าหญิงจึงออกอุบายขอเงื่อนไข ๒ ข้อ (๑) จะต้องสร้างหลุมขนาดใหญ่ (๒) ต้องสร้างวัด ๑,๐๐๐ แห่งให้แล้วเสร็จภายในคืนเดียว

โอว!! ด้วยความเสน่หา เจ้าชายรับคำนาง เริ่มลงมือสร้างหลุมจนเสร็จ เรียกให้นางมาดู นางก็ออกอุบายให้เจ้าชายลงไปในหลุม จากนั้นก็โยนหินลงไป ฝังเจ้าชายให้ตายในนั้น แต่เจ้าชายก็เก่งแสนเก่ง หาทางหนีออกมาจากหลุมนั้นจนได้ ด้วยความรักหลงเสน่หา เจ้าชายจึงยอมยกโทษให้นาง จากนั้นก็เร่งลงมือสร้างวัด แต่จะทำได้ย่อมต้องอาศัยสิ่งลี้ลับช่วย เจ้าชายบวงสรวงบริกรรมขอวิญญาณต่างๆ มาช่วย จนการก่อสร้างจวนจะแล้วเสร็จ เหลือเพียงวัดสุดท้ายก็จะครบพัน เจ้าหญิงและคนรับใช้ ก็รีบไปสุมไฟในทุ่งข้าวด้านทิศตะวันออก เพื่อลวงให้คิดว่าเช้าแล้ว พระอาทิตย์กำลังจะขึ้น เมื่อพวกวิญญาณต่างๆ เห็นดังนั้น ก็คิดว่าสุริยเทพจะเสด็จแล้ว จึงพากันหนึหายไปกันหมด วัดแห่งสุดท้ายจึงไม่แล้วเสร็จ
.. เมื่อเจ้าชายรู้ความจริง คราวนี้โกรธมาก สาปเจ้าหญิงให้กลายเป็นหินอยู่ที่วัดสุดท้ายแห่งนี้ ซึ่งก็คือ วัดพรัมบานัน และเจ้าหญิงที่กลายเป็นหินก็คือ เทวรูปพระแม่ทุรคา ในวิหารพระศิวะ (ความเชื่อของชาวบ้านที่เอามาผสมผสานกันกับเทวรูป)

วัดพันแห่งที่เจ้าชายสร้างนั้น ส่วนหนึ่งก็คือ วัดเซวู ซึ่ง Sewu แปลว่า หนึ่งพัน

ชวนไปชมของจริงด้วยกันนะคะ คลิกดูรายละเอียดการเดินทางได้ที่ https://www.norbhoditravel.com/ทัวร์อินโดนีเซีย.html

#บูโรพุทโธ #ปรัมบานัน
@ผู้ติดตาม

เรากำลังจะไปเที่ยวประเทศอินโดนีเซียกัน ชวนมาทำความรู้จักกับประเทศนี้ก่อนสักเล็กน้อยประเทศอินโดนีเซีย มาจากคำสองคำคือ "อิ...
10/04/2025

เรากำลังจะไปเที่ยวประเทศอินโดนีเซียกัน ชวนมาทำความรู้จักกับประเทศนี้ก่อนสักเล็กน้อย

ประเทศอินโดนีเซีย มาจากคำสองคำคือ "อินโด หมายถึง อินเดีย" และ "นีเซีย แปลว่า หมู่เกาะ" ในยุคอาณานิคม อินโดนีเซีย ถูกเรียกว่า หมู่เกาะอินเดียตะวันออก เป็นทางเชื่อมระหว่างมหาสมุทรอินเดีย และมหาสมุทรแปซิฟิก

สภาพอากาศของหมู่เกาะอินโดนีเซียต่างกับไทยที่อยู่บนผืนแผ่นดิน คือ มีแค่ 2 ฤดู แล้งกับฝน ฤดูแล้งอยู่ในช่วง พฤษภาคม-ตุลาคม และฤดูฝนอยู่ในช่วง พฤศจิกายน-เมษายน อย่างไรก็ตาม ความเป็นเกาะจึงอาจมีฝนได้ทั้งปี แต่จะชุกในช่วงฤดูฝน อินโดนีเซียไม่ร้อนจัดเหมือนบ้านเรา แม้จะมีแดดแต่ก็มีลมอ่อนๆ พัดให้ได้ชื่นใจ เรียกว่าอากาศดีเลยทีเดียว และยังมีต้นไม้ใหญ่อายุหลายสิบถึงร้อยปี ที่รักษาไว้อย่างดีกระจายทั่วไป เมื่อเดินเที่ยวเหนื่อยๆ พอได้เข้าใต้ร่มไม้จะรู้สึกถึงความเย็นและสดชื่นจากออกซิเจนอย่างนั้นเลย

ประชาชนส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเกาะใหญ่ 5 เกาะ และเกาะเล็ก 30 เกาะ
เกาะใหญ่ทั้งห้าได้แก่ เกาะสุมาตรา เกาะกาลิมันตัน (หรือที่รู้จักในชื่อ เกาะบอร์เนียว) เกาะสุลาเวสี เกาะอิเรียนจายา และเกาะชวา

เกาะชวาใหญ่เป็นอันดับ 5 แต่เป็นที่ตั้งของเมืองหลวง กรุงจาการ์ต้า และเมืองสำคัญอีกหลายเมือง เช่น เมืองบันดุง และยอกยาการ์ต้า ที่เราจะไปเที่ยวกันก็ตั้งอยู่บนเกาะชวา ประชากรอินโดนีเซียมีกว่า 270 ล้านคน โดยที่ราว 180 ล้านคน อาศัยอยู่บนเกาะชวา

ตราแผ่นดินของประเทศอินโดนีเซ๊ย มีชื่อว่า "ตราพญาครุฑปัญจศิลา"
มีขนปีกข้างละ 17 แฉก และขนหาง 8 แฉก สื่อถึงวันที่ประกาศเอกราช 17 สิงหาคม ค.ศ. 1945
รูปดาว หมายถึง ความเชื่อในพระเจ้าของศาสนาอิสลาม
รูปวาดควายป่า (หรือภาษาพื้นเมืองเรียกว่า บาเต็ง) แทนอำนาจของประชาชน
ต้นไทรเป็นต้นไม้ที่ชาวอินโดนีเซียนับถือมาแต่โบราณ แสดงถึงลัทธิชาตินิยม
รูปฝ้ายและรวงข้าว เป็นพืชที่สำคัญในการดำรงชีวิต แทนความยุติธรรม
สร้อยทองมีทรงกลมและทรงเหลี่ยมร้อยอยู่ด้วยกัน หมายถึงมนุษยธรรมและความผูกพันกันในสังคม

ส่วนข้อความ "Bhinneka Tunggal Lka" ที่พญาครุฑจับอยู่นั้น แปลว่า "เอกภาพท่ามกลางความหลากหลาย" ซึ่งเป็นคำขวัญประจำชาติอินโดนีเซีย
ทั้งนี้เพราะแต่โบราณมาประเทศอินโดนีเซีย มีประชากรที่เป็นเผ่าต่างๆ อาศัยกระจัดกระจายกันตามหมู่เกาะกว่า 17,000 เกาะ นับเชื้อสายได้ถึง 365 เผ่า และมีภาษาถิ่นต่างกันถึงกว่า 500 ภาษา ส่วนการนับเชื้อชาติแบบยุคใหม่ ก็มีทั้งเชื้อสายมลายู อินเดีย อาหรับ จีน และยุโรป ... ความสามัคคีและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของชนในชาติ จึงเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง

อีกประเด็นหนึ่งคือ เรื่องศาสนา แม้ประเทศอินโดนีเซียจะเป็นประเทศมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ประชากรอินโดนีเซียก็มีอิสระเสรีในการนับถือศาสนาอื่น และอยู่ร่วมกันได้อย่างไม่เป็นปัญหา ดังนั้นเราจึงเห็นวัฒนธรรมประเพณีแบบฮินดูยังมีอยู่อย่างเข้มคลังในบาหลี และประปรายในอีกหลายพื้นที่ ส่วนศาสนาพุทธแม้จะมีผู้คนนับถืออยู่เพียงร้อยละ 1 แต่ประเพณีการบูชาบูโรพุทโธในเทศกาลวิสาขบูชา ก็มีการจัดอย่างยิ่งใหญ่ทุกปี โดยมีประชากรต่างศาสนาเข้ามาร่วมช่วยกันจัดกิจกรรมด้วย ศาสนาคริสต์ก็มีที่ยืนและมีโบสถ์ตั้งแต่ยุคอาณานิคมมากมาย ที่ปัจจุบันยังคงรักษาไว้อย่างดี และมีคนนับถือเป็นสัดส่วนมากกว่าศาสนาพุทธ

จากการที่ได้สัมผัส รู้สึกได้ว่าประชากรมุสลิมของอินโดนีเซียเป็นผู้มีความยืดหยุ่นสูง ไม่เคร่งครัดจนเกินไปเมื่อเทียบกับผู้นับถือศาสนาอิสลามในประเทศอื่น ผู้หญิงอินโดนีเซีย แต่งกายและไว้ทรงผมได้แบบบุรุษ และประกอบอาชีพได้แบบบุรุษ ไม่มีการกีดกั้น

ธงชาติของอินโดนีเซีย เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีสีแดงและขาว สีแดงหมายถึงความกล้าหาญและอิสรภาพ ส่วนสีขาวหมายถึง ความบริสุทธิ์และจิตวิญญาณของมนุษย์

ที่มาของสีธงชาตินี้ มีต้นแบบมาจากธงของอาณาจักรมัชปาหิต ราชอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ในแถบหมู่เกาะ และแหลมมลายู ต้นสายบรรพบุรุษของชาวมลายู ผู้ที่สร้างศาสนสถานที่เป็นมรดกโลกในปัจจุบันนี้ ให้เราได้ไปเยี่ยมชมกัน

โอกาสหน้าจะนำเรื่องอาณาจักรมัชปาหิต มาเล่าสู่กันฟัง คอยติดตามนะคะ😀
สนใจอ่านข้อมูลอื่นๆ เกี่ยวกับโบราณสถานในอินโดนีเซีย คลิก https://www.norbhoditravel.com/ทัวร์อินโดนีเซีย.html

#อินโดนีเซีย #อาณาจักรมัชปาหิต
@ผู้ติดตาม

ใช้บริการเอเจ้นท์ ติดต่อเรา ง่ายกว่าค่ะ หายปวดหัว@ผู้ติดตาม
22/03/2025

ใช้บริการเอเจ้นท์ ติดต่อเรา ง่ายกว่าค่ะ หายปวดหัว
@ผู้ติดตาม

๒ วันที่แล้ว เป็นเทศกาลโฮลีของอินเดีย คนไทยไม่น้อยนิยมไปร่วมเล่นสาดสีกับเขาด้วย ...ในอดีตจะเป็นเทศกาลของชนวรรณะศูทร แต่ป...
16/03/2025

๒ วันที่แล้ว เป็นเทศกาลโฮลีของอินเดีย คนไทยไม่น้อยนิยมไปร่วมเล่นสาดสีกับเขาด้วย ...

ในอดีตจะเป็นเทศกาลของชนวรรณะศูทร แต่ปัจจุบันได้รับความนิยมแพร่หลายไปสู่คนอินเดียทุกเพศวัย ทุกวรรณะ และทุกลัทธิศาสนา จนถูกจัดอันดับให้เป็นเทศกาลยอดนิยมอันดับ ๒ รองจาก Diwali เลยทีเดียว
กำหนดของเทศกาลในแต่ละปีตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ (ปี ๒๕๖๖ จึงตรงกับวันศุกร์ที่ ๑๓ มีนาคม)

โดยปกติแล้ววันแรกจะเป็นวันบูชาเทพ ซึ่งจะต้องทำพิธี Holika Dhahan มีการก่อกองไฟใหญ่บูชากันในชุมชน พอถึงวันที่สองจึงจะสนุกสนานกันด้วยการสาดสีใส่กัน

สำหรับพิธี Holika Dhahan นั้นมีตำนานเกี่ยวข้องสองสามเรื่อง แต่ที่รับรู้กันโดยมากก็คือ เรื่องของท้าวหิรัณยกศิปุ ที่ได้รับพรจากพระพรหมว่า เขาจะไม่ตายในบ้านหรือนอกบ้าน ไม่ตายในเวลากลางวันหรือกลางคืน ไม่ตายโดยน้ำมือมนุษย์หรือสัตว์ และไม่ตายด้วยอาวุธหรือมือเปล่า ดังนั้นเขาจึงคิดว่าตนเป็นอมตะแล้ว และอหังการเทียบตนกับมหาเทพ จึงประกาศให้ชาวเมืองบูชาตนเสมือนบูชาองค์พระวิษณุ แต่กลายเป็นว่าคนใกล้ตัวคือลูกชายที่ชื่อ ประลาดะ (Prahlada) ผู้ซึ่งเป็นบุตรที่สุริยเทพประทานมาให้ปฏิเสธที่จะทำตามคำสั่งพ่อ เพราะอสูรน้อยประลาดะมีความภักดีต่อพระวิษณุอย่างแท้จริง

ท้าวหิรัณยกศิปุจึงโกรธและต้องการกำจัดลูกตนนี้ไปเสีย แต่จะฆ่าอย่างไรก็ไม่ตายพระวิษณุทรงคุ้มครอง จนในที่สุดนึกขึ้นมาได้ว่าน้องสาวของตนคือ นางโฮลีกา Holika ได้รับพรว่า อัคคีจะไม่สามารถเผาผลาญนางได้ ท้าวหิรัณยกศิปุจึงออกอุบายให้ นางโฮลีกา อุ้มอสูรน้อยประลาดะไว้บนตักท่ามกลางกองเพลิงที่โหมขึ้นเพื่อหวังฆ่าอสูรน้อย แต่ก็ไม่สำเร็จอีกเช่นเคย พระวิษณุทรงปกป้องอสูรน้อยอยู่เสมอ

หลังจากนั้นพระวิษณุก็ได้อวตารเป็นนรสิงห์มาปราบท้าวหิรัณยกศิปุ (นรสิงห์เป็นอวตารปางที่ ๔ ในนารายณ์ ๑๐ ปาง)

เรื่องราวในตำนานตอนนี้จึงเป็นที่มาของการทำพิธีบูชา Holika Dhahan พิธีนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ว่า ความชั่วไม่มีวันอยู่เหนือความดีไปได้ เสมือนไฟที่ไม่สามารถเผาผลาญอสูรน้อยประลาดะได้ โดยชาวบ้านจะรวมตัวกันก่อกองไฟขึ้นในหมู่บ้าน นำเอาข้าวสาลีใหม่ใส่ในหม้อดิน สุมไว้ในกองฟืนนั้น หลังจากไฟเริ่มมอดลงแล้ว ก็นำเอาข้าวสาลีสุกหอมมาแบ่งปันกัน ลักษณะของข้าวที่สุกแล้วรวมถึงลักษณะของเปลวเพลิงที่ลุกโชน ยังใช้ทำนายถึงความอุดมสมบูรณ์ของพืชพันธ์ในปีต่อไปอีกด้วย (เพราะเทศกาลนี้จัดขึ้นต้นฤดูใบไม้ผลิ ถือเป็นการเฉลิมฉลองเริ่มต้นฤดูการเพาะปลูกครั้งใหม่) ส่วนเถ้าจากกองไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่ ถือว่าเป็นของมงคล ชาวบ้านจะนำเอาไปผสมไว้ในเตาไฟที่บ้านตน ให้เกิดควันไฟลอยไปทั่วบ้านเป็นเครื่องรางป้องกันโรคภัยไข้เจ็บให้แก่คนในครอบครัว

การสาดสียังมีอีกความเชื่อที่มาผสมผสานกันว่า พระกฤษณะซึ่งเป็นบุรุษอารมณ์ดีอยู่เสมอ ได้แกล้งสาดสีใส่พระแม่ราธาชายาของพระองค์ เพื่อให้ผิวพระนางสีเข้มขึ้นเหมือนสีผิวขององค์กฤษณะ

สีที่เอามาสาดใส่กัน ทำจากอะไร?
ในอดีต ก็ทำจากพืช เช่น สีแดงจากบีทรูท สีส้มแสดจากดอกทองกวาว สีเหลืองจากขมิ้น เป็นต้น
แต่ปัจจุบัน ก็ทำง่ายๆ ใช้สีผสมอาหารผสมแป้งบ้าง ใช้สีอคริลิคผสมแป้งบ้าง เป็นต้น แต่ก็ยังเน้นสีที่ไม่เป็นอันตราย

ธรรมเนียมการเล่นสาดสีของชาวอินเดียนั้น ยังแสดงถึงมิตรภาพที่ไม่ลืมเลือน ดังนั้นเสื้อผ้าที่เลอะสีแล้ว มักเก็บไว้เป็นที่ระลึก

ปีหน้า หน่อโพธิ์ มีแผนจะจัดไปเที่ยวเล่นสาดสีกันที่ราชสถานนะคะ ใครอยากไปสนุกกัน เตรียมล็อคเวลาไว้เลย และคอยติดตามเรานะคะ

#เทศกาลโฮลี #สาดสีอินเดีย
@ผู้ติดตาม

ที่อยู่

53/151 ถนนแจ้งวัฒนะ ต. บางตลาด อ. ปากเกร็ด จ. นนทบุรี
Bangkok
11120

เวลาทำการ

จันทร์ 09:00 - 17:00
อังคาร 09:00 - 17:00
พุธ 09:00 - 17:00
พฤหัสบดี 09:00 - 17:00
ศุกร์ 09:00 - 17:00
เสาร์ 09:00 - 17:00

เบอร์โทรศัพท์

+66616289450

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ หน่อโพธิ์ แทรเวล ทัวร์แสวงบุญ ศิลปวัฒนธรรมผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง หน่อโพธิ์ แทรเวล ทัวร์แสวงบุญ ศิลปวัฒนธรรม:

แชร์

Our Story

"หน่อโพธิ์ แทรเวล" ชื่อนี้มีที่มาจาก "โพธิ์" ต้นไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของคุณธรรมและปัญญา ใต้ร่มเงาของโพธิ์เป็นที่พักผิงคลายร้อนของผู้แรมทางฉันใด "หน่อโพธิ์ แทรเวล" ก็มีเป้าหมายจะเติบโตขึ้น ให้มีคุณประโยชน์เหมือนดังต้นโพธิ์ เราจึงมุ่งมั่นทำธุรกิจอย่างซื่อสัตย์ จริงใจ และนำเสนองานคุณภาพ เพื่อความสุขอย่างมีคุณค่าแก่ทุก ๆ ท่าน